Lutein 10 Mg Plus Bilberry​

ถ้ายังวางมือถือไม่ได้ ก็อย่าให้แสงสีฟ้าทำลายดวงตาคุณเพราะอันตรายจากแสงสีฟ้านั้นมีมากกว่าที่คุณคิด

อันตรายจากแสงสีฟ้า 

ในยุคดิจิทัลที่เราใช้ชีวิตอยู่กับหน้าจอเกือบตลอดเวลา ดวงตาของเราต้องเผชิญกับ 

แสงสีฟ้า ซึ่งเป็นคลื่นแสงที่มีพลังงานสูงและสามารถทะลุผ่านเลนส์ตาเข้าไปทำลายจอประสาทตาได้โดยตรง การสัมผัสแสงสีฟ้าเป็นเวลานานอาจทำให้เกิดภาวะเครียดจากอนุมูลอิสระ (Oxidative stress) และนำไปสู่ปัญหาต่างๆ เช่น อาการตาล้า, ตาแห้ง, และความเสื่อมของจอประสาทตา

หลายคนคงสงสัยว่าทำไมการอยู่ใต้ร่มไม้ หรือการมองสีเขียว ถึงทำให้เรารู้สึกสบายตากว่า?

นั่นก็เป็นเพราะว่าคลื่นแสงสีเขียวนั้นมีความยาวคลื่นที่สูงกว่า (495–570 nm) เท่ากับว่ามีพลังงานในตัวเองต่ำกว่า ในขณะที่แสงสีฟ้ามีความยาวคลื่นน้อย (450–495 nm) จึงมีพลังงานในตัวมาก สามารถวิ่งผ่านเลนส์ตาจนไปทำลายได้ถึงจอประสาทตาด้านในสุด จนทำให้เซลล์เกิดการบาดเจ็บและอักเสบได้ จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเมื่อเรามองไปยังบริเวณที่มีสีเขียว เรามักจะรู้สึกสบายตามากกว่านั่นเองแต่ก็คงจะเป็นเรื่องยากที่เราจะหลีกเลี่ยงแสงสีฟ้าในยุคนี้ที่ก้าวเข้าสู่สังคมดิจิทัลอย่างเต็มตัว ผู้คนใช้ชีวิตอยู่บนสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต และคอมพิวเตอร์เป็นหลักเกือบ 24 ชั่วโมง ซึ่งอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เหล่านี้เองที่เป็นแหล่งปลดปล่อยคลื่นแสงสีฟ้าผ่านเข้าสู่ดวงตา ตรงดิ่งเข้าสู่จอประสาทตาและเข้าไปกระตุ้นให้เกิดปฏิกิริยาออกซิเดชั่นเหนี่ยวนำให้เกิดสารอนุมูลอิสระออกซิเจนที่ส่งผลให้เซลล์ตาเกิดการอักเสบ จนนำมาสู่การเกิดโรคจอประสาทตาเสื่อม และอาจร้ายแรงจนถึงขั้นตาบอดได้ในที่สุด 

Lutein และ Zeaxanthin

จัดเป็นสารประเภท Xanthophyll ซึ่งก็คือสารกลุ่มแคโรทีนอยด์ประเภทหนึ่งที่พบในจอตา (Retina) และจุดภาพชัด (Macula) ทำหน้าที่ในการกรองแสงสีฟ้า และเป็นสารต้านอนุมูลอิสระจึงสามารถยับยั้งการเกิดออกซิเดชั่นจากแสง และช่วยลดการตายของเซลล์รับแสง (photoreceptor apoptosis) ได้

โดยทั่วไปแล้ว Xanthophyll จะสามารถสังเคราะห์ได้เองในพืช สาหร่าย แบคทีเรีย และราบางประเภทเท่านั้น แต่จะไม่สามารถสังเคราะห์ได้เองในมนุษย์ ต้องได้รับจากการรับประทานจากภายนอกเท่านั้น โดยในธรรมชาติมักจะพบในผักที่มีใบสีเขียวเข้ม เช่น ผักโขม เคลล์ บร๊อกโคลี พาสเลย์ ผักกาดคอส คะน้า ปวยเล้ง ส่วนในผลไม้มักจะพบในส้ม กีวี่ องุ่น เป็นต้น

Billbery

เป็นผลไม้สีน้ำเงินม่วงที่มีสารสำคัญจำพวก anthocyanin ที่สามารถจับกับผิวเยื่อบุที่จอภาพเรตินาได้ดี ซึ่งตัวมันมีฤทธิ์ในการต้านอนุมูลอิสระที่ดี จึงสามารถลดความเสื่อมของเซล์ดวงตา และช่วยลดระยะเวลาการปรับแสงสว่างไปสู่ที่มืดได้เร็วขึ้นจึงทำให้การมองเห็นในที่มืดได้ดี นอกจากนี้ยังช่วยบรรเทาอาการเมื่อยล้าของดวงตา เมื่อใช้สายตานานๆ  และยังช่วยป้องกันเลนส์ตา เพิ่มคอลลาเจนในตา ช่วยให้เส้นเลือดฝอยในตาแข็งแรงขึ้น ลดโอกาสในการเกิดโรคต้อกระตก ต้อหิน ตาเสื่อมได้

Lutein plus Bilberry เหมาะกับใคร?

  • ผู้ที่มีอาการปวดล้า ตาแห้ง ระคายเคือง
  • ผู้ที่ใช้สายตาตอนกลางคืน
  • ผู้ที่มีอาการตาพร่ามัว มองเห็นไม่ชัดเจน
  • ผู้ที่มีความเสี่ยงโรคหลอดเลือดอักเสบ เช่น ริดสีดวงทวาร และเส้นเลือดขอด

ข้อแนะนำการรับประทาน

  • รับประทานครั้งละ 1 แคปซูล วันละ 1 ครั้ง หลังอาหาร

Reference:

  1. ศ.นพ.เฉลียว ปิยะชน. (2553). หนังสือรู้สู้โรค โมเลกุลเพื่อชีวิต เพื่อสุขภาพ. กรุงเทพฯ: ตถาตา พับลิเคชั่น จำกัด.
  2. https://www.isoptik.com/files/th/pdf/432
  3. https://www.wichaioptic.com/1444470/%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%82%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%95%E0%B8%B2
  4. https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/867408