Aquamina

แคลเซียม…กินเยอะแค่ไหนก็ยังกระดูกพรุนอยู่ดี? หลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไมกินแคลเซียมเสริมอาหารแล้วก็ยังเป็นโรคกระดูกพรุน นั่นเป็นเพราะแคลเซียมในรูปแบบทั่วไปที่วางขายในท้องตลาดส่วนใหญ่เป็น แคลเซียมคาร์บอเนต ที่สกัดจากหินปูน

ซึ่งมีงานวิจัยระบุว่าร่างกายสามารถดูดซึมไปใช้ได้เพียง 15-20% เท่านั้น  ส่วนที่เหลือของแคลเซียมที่ไม่ถูกดูดซึมจะตกค้างอยู่ในร่างกาย และอาจก่อให้เกิดปัญหาอื่นๆ ตามมา เช่น ท้องผูก, นิ่ว, หินปูนเกาะตามข้อต่อ, หรือแม้แต่เกาะตามหลอดเลือดจนทำให้หลอดเลือดแข็งและนำไปสู่ภาวะหลอดเลือดตีบตันได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจ อาจส่งผลให้เกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดในที่สุด 

การทานแคลเซียมไม่ถุกวิธี อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกายได้

การรับประทานแคลเซียมไม่ถูกวิธีกลับก่อให้เกิดผลเสียต่อร่างกาย เช่น การได้รับแคลเซียมในปริมาณที่สูงเกินไป และไม่ถูกดูดซึม อาจทำให้เกิดการสะสมจนก่อให้เกิดอันตราย เช่น แคลเซียมอาจไปสะสมจนเกิดเป็นหินปูนที่เต้านม หรือหากเกิดการสะสมในไตก็อาจก่อให้เกิดนิ่ว หรืออาจไปสะสมเป็นหินปูนอยู่บริเวณผนังของหลอดเลือดทำให้หลอดเลือดแข็ง หรืออาจไปสะสมที่ลิ้นหัวใจ หรือที่เยื่อหุ้มหัวใจ หากเกิดขึ้นกับหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจส่งผลให้หลอดเลือดเกิดภาวะตีบตันและนำไปสู่ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดได้ในที่สุด

ไม่ใช่แค่แคลเซียมอย่างเดียว…

ร่างกายของเราไม่สามารถสร้างแคลเซียมได้เองและแคลเซียมเพียงอย่างเดียวก็ไม่เพียงพอต่อการบำรุงกระดูก ดังนั้นการเลือกผลิตภัณฑ์เสริมอาหารแคลเซียมให้เกิดประโยชน์สูงสุดและไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย ต้องพิจารณาถึงปัจจัยสำคัญต่างๆ ที่จะช่วยให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

แล้วส่วนผสมอะไรบ้างที่ช่วยให้แคลเซียมทำงานได้ดียิ่งขึ้น?

  • วิตามินดี 3 เปรียบเสมือนกุญแจสำคัญที่ช่วยเพิ่มการดูดซึมแคลเซียมจากลำไส้เข้าสู่กระดูก การขาดวิตามินดี ทำให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมได้ลดลงอย่างมาก แม้จะทานแคลเซียมเพียงพอแล้วก็ตาม 
  • วิตามินเค 2 ทำหน้าที่เป็นเสมือน “คนนำทาง” ที่ช่วยพาแคลเซียมที่ดูดซึมแล้วไปสะสมในกระดูกและฟัน ที่สำคัญคือวิตามินเค 2 ยังช่วยป้องกันไม่ให้แคลเซียมไปสะสมในหลอดเลือดและเนื้อเยื่ออ่อนต่างๆ ซึ่งเป็นสาเหตุของภาวะหลอดเลือดแข็งตัวอีกด้วย 
  • สังกะสี ช่วยสนับสนุนและกระตุ้นกระบวนการสร้างและซ่อมแซมกระดูก นอกจากนี้ยังเป็น

โคแฟกเตอร์ของเอนไซม์สำคัญที่เกี่ยวข้องกับการสร้างกระดูกอีกด้วย 

แมกนีเซียมและแร่ธาตุอื่นๆ นอกเหนือจากแคลเซียมแล้ว กระดูกของเรายังต้องการแร่ธาตุอีกมากมาย เช่น แมกนีเซียม, สังกะสี, ทองแดง, และแมงกานีส เพื่อช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูกและฟัน 

เลือกแคลเซียมอย่างไรให้ได้ประโยชน์สูงสุด?

เลือกแคลเซียมที่มาจากธรรมชาติและมีคุณสมบัติที่เหนือกว่า 

แคลเซียมจากสาหร่ายทะเลสีแดง ที่เติบโตในแถบน้ำเย็นบริสุทธิ์และปราศจากมลภาวะ เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ เนื่องจากมีโครงสร้างทางกายภาพเป็นรูพรุนคล้ายรังผึ้ง ทำให้มีพื้นที่ผิวมากกว่าแคลเซียมคาร์บอเนตทั่วไปถึง 10 เท่า ส่งผลให้ร่างกายดูดซึมและนำไปใช้ได้ง่ายกว่า 

แคลเซียมจากสาหร่ายทะเลสีแดงนี้ไม่ได้ให้แค่แคลเซียม แต่ยังอุดมไปด้วยแมกนีเซียมและแร่ธาตุอื่นๆ อีกกว่า 72 ชนิด ที่ทำงานร่วมกันเพื่อเสริมสร้างสุขภาพกระดูกและข้อต่อ นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยที่น่าเชื่อถือรับรองว่าไม่ก่อให้เกิดการอุดตันของหินปูนในหลอดเลือดเมื่อรับประทานอย่างต่อเนื่อง 

ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ประกอบด้วยแคลเซียมคุณภาพดีร่วมกับวิตามินดี 3, วิตามินเค 1, วิตามินเค 2, และสังกะสี จึงเป็นสูตรที่ทำงานร่วมกันแบบเสริมฤทธิ์ (synergistic) เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุด โดยช่วยจัดหาวัตถุดิบ (แคลเซียม) เพิ่มประสิทธิภาพการดูดซึม (วิตามินดี 3) ควบคุมการนำแคลเซียมไปใช้ให้ถูกที่ (วิตามินเค 1 และเค 2) และสนับสนุนกระบวนการสร้างกระดูก (สังกะสีและแร่ธาตุรองอื่นๆ) ซึ่งจะช่วยเพิ่มความหนาแน่นของมวลกระดูกและลดความเสี่ยงของโรคกระดูกพรุนในระยะยาวได้ 

โครงสร้างทางกายภาพของ Aquamin F มีลักษณะเป็นรูพรุนคล้ายรังผึ้ง (honeycomb-like structure) ซึ่งแตกต่างจากโครงสร้างของแคลเซียมคาร์บอเนตที่ได้จากหินปูน (limestone) โดยทั่วไป ส่งผลต่อการละลายและการแตกตัวในกระเพาะอาหารได้ดีขึ้น จึงเชื่อว่ามีผลต่อการดูดซึมที่ดีกว่า

Aquamin Calcium แตกต่างจากแคลเซียมทั่วไปอย่างไร

อะควอมินแคลเซียม เป็นแคลเซียมธรรมชาติจากสาหร่ายสีแดง สายพันธุ์ Lithothamnion sp จากเกาะไอซ์แลนด์และฝั่งใต้ของไอร์แลนด์ซึ่งเป็นแหล่งผลิตที่ดีที่สุด เนื่องจากบริเวณที่เป็นทะเลที่สะอาด ปลอดมลภาวะ ต้องใช้เวลากว่า 5 ปี จึงจะได้สาหร่ายที่โตเต็มที่ อุดมไปด้วยแคลเซียม แมกนีเซียม และแร่ธาตุกว่า 74 ชนิด เป็นแคลเซียมที่มีผลงานวิจัยที่น่าเชื่อถือได้รับการตีพิมพ์กว่า 20 ฉบับ

  อะควอมินแคลเซียม ถูกดูดซึมในลำไส้ได้ดีเนื่องจากมีโครงสร้างที่เป็นรูพรุนคล้ายรังผึ้งทำให้มีพื้นที่ผิวที่มากกว่าแคลเซียมคาร์บอเนตจากหินปูนถึง 10 เท่า ดังนั้นน้ำย่อยซึ่งมีฤทธิ์เป็นกรดจึงทำให้เกิดการแตกตัวและดูดซึมได้ดีกว่าแคลเซียมทั่วไป 

นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยยืนยันว่าอะควอมินแคลเซียมไม่ก่อให้เกิดการอุดตันของหินปูนในหลอดเลือดเมื่อรับประทานไปมากกว่า 4 ปี และมีคุณสมบัติช่วยลดการหลั่งพาราไทรอยด์ฮอร์โมน จึงช่วยลดการดึงแคลเซียมออกจากกระดูก ไม่ก่อให้เกิดนิ่วในไตหรือกระเพาะปัสสาวะ