หน้าหลัก     ปัญหาสุขภาพ     สาระน่ารู้

บำรุงรอบดวงตา


     ดวงตาคือหน้าต่างของหัวใจ ดวงตาจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ การดูแลผิวรอบดวงตาจึงสำคัญมากเช่นกัน อย่างสาว ๆ ที่อยู่ในวัยทำงานใกล้จะเลข 30 ริ้วรอยอาจมาเยือนก่อนวัยได้ ถ้าสาวๆไม่รีบบำรุงดูแลไว้ก่อน ดังนั้นวิธีง่ายที่สุดเลยก็คือ การทาอายครีมใต้ตาดักไว้ก่อน

 
     หน้าตาจะดูโทรมหรือสวยเด้ง ในสายตาของคนที่พบเจอนั้น มีหลายส่วนบนใบหน้าที่เป็นตัวกำหนดค่ะ หนึ่งในจุดยุทธศาสตร์คือ ผิวบริเวณรอบดวงตา หากผิวรอบดวงตามีสัญญาณสำคัญคือ ใต้ตาคล้ำ บวม เหี่ยว หรือแห้ง จะส่งผลให้ใบหน้าดูอิดโรย หรือโทรมได้  ปัญหารอยคล้ำใต้ตาเป็นสิ่งที่หลายคนกังวลในทุกช่วงวัย ดวงตาคือจุดดึงดูดสำคัญขของใบหน้า และยิ่งช่วงนี้ที่เราต้องใส่หน้ากากอนามัย ทำให้ดวงตาของเรายิ่งสำหคัญกว่าที่เคย เนื่องจากว่าหน้าอนามัยนั้นบังวงหน้าของเรา ด้วยเหตุนี้ การดูแบผิวรอบดวงตาจึงเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง

 

ปัญหารอยคล้ำรอบดวงตา 3 ประเภท enlightened

  1. 1. รอยคล้ำบาง ๆ รอบดวงตาเนื่องจากการไหลเวียนของเลือดที่ไม่ดี

  2. 2. รอยคล้ำรอบดวงตาออกสีน้ำตาลเนื่องจากจุดด่างดำ

  3. 3. รอยคล้ำรอบดวงตาสีน้ำตาลเข้มเนื่องจากเงาจากหนังใต้ตาที่หย่อนคล้อย

สาเหตุของรอยคล้ำรอบดวงตาเหล่านี้ enlightened

ประเภทแรก - รอยคล้ำบาง ๆ รอบดวงตา  สาเหตุเกิดจากการหมุนเวียนของเลือดที่ไม่ดี เนื่องจากอัตราการไหลของเลือดบริเวณใต้ดวงตาจะมากกว่าบริเวณโหนกแก้มประมาณ 30% การหมุนเวียนของเลือดที่พร่องออกซิเจนในบริเวณนี้จะสามารถสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนมากขึ้นเนื่องจากผิวใต้ดวงตาจะบางกว่าส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย

✿ ปัญหารอยคล้ำออกน้ำตาลรอบดวงตา ประเภทที่สองเกิดขึ้นจากการอักเสบ ซึ่งอาจเนื่องมาจากการเสียดสีขณะแต่งหน้าหรือระหว่างล้างหน้าหรือดูแลผิว การถูรอบ ๆ ดวงตาเมื่อเกิดอาการคัน เช่น ขณะเกิดอาการแพ้ ไข้ละอองฟางหรืออาการระคายเคืองทั่วไปอาจทำให้ผิวที่อ่อนบางได้รับความเสียหายและทำให้มีการสร้างเม็ดสีมากเกินไป

✿ ปัญหารอยคล้ำประเภทสุดท้าย ที่เป้นสีน้ำตาลเข้มเกิดขึ้นจากแนวริ้วรอยและผิวที่หย่อนคล้อย แม้ว่านี่เป็นปัญหาที่มักเกิดจากอายุที่เพิ่มขึ้น แต่คุณก็ควรเริ่มต้นให้ความสำคัญกับผิวรอบดวงตาตั้งแต่ช่วงวัย 20 และ 30 และหลีกเลี่ยงการสร้างความอ่อนล้านให้แก่ดวงตาจากการใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มากจนเกินไป

ผิวรอบดวงตาที่ทรุดโทรมเกิดได้จากหลายสาเหตุ แต่ที่พบได้บ่อยคือ yes

 

วิธีแก้ไขปัญหาผิวรอบดวงตา

✿ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ โดยเฉลี่ยแล้วควรนอนหลับพักผ่อนได้ 7-8 ชั่วโมงต่อวัน และเข้านอนก่อนเที่ยงคืน เพื่อให้สอดคล้องกับนาฬิกาชีวภาพ

✿ ถ้ามีโรคประจำตัวซึ่งอาจส่งผลต่อผิวรอยคล้ำใต้ดวงตาได้ เช่น โรคภูมิแพ้ ควรรักษาให้อาการดีขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้ามีอาการคันบริเวณเปลือกตา ควรรักษาให้หาย

✿ อ่อนโยนต่อผิวรอบดวงตา โดยเฉพาะเวลาเช็ดเครื่องสำอาง ควรใช้สำลีเนื้อนุ่ม คลีนเซอร์ที่อ่อนโยนกับผิว ปราศจากสารลดแรงตึงผิว และเช็ดอย่างเบามือ การเช็ดที่รุนแรงไม่ปราณีกับผิว จะส่งผลให้ผิวระคายเคืองและแห้งเหี่ยวมากขึ้นได้

✿ ถ้าต้องตากแดดมาก ควรปกป้องผิวด้วยครีมทาใต้ตาที่มีส่วนผสมของสารกันแดด รวมถึงใส่แว่นกันแดดกรอบกว้างเพื่อปกป้องดวงตา

✿ ทามอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่มีค่าพีเอชสมดุลกับผิว มีส่วนผสมของสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น SOD, Glutathione, Catalase ร่วมกับสารให้ความชุ่มชื้นเช่น Hyaluronic acid สารที่มีคุณสมบัติลดการบวมเช่น Caffeine  และลดความหมองคล้ำของผิวรอบดวงตาเช่น Dermochlorella seaweed

           
 

ปัจจัยที่ทำให้เกิดรอยคล้ำรอบดวงตา enlightened

     อาจแตกต่างกันไปสำหรับแต่ละคน จึงเป็นการยากในการระบุสาเหตุที่ชัดเจนที่ทำให้เราเกิดปัญหารอบดวงตาขึ้น ในเบื้องต้น การทำงานที่หนักหน่วงเป็นเวลานาน โดยเฉพาะกับจออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และ/หรือคอมพิวเตอร์คือสาเหตุที่พบได้บ่อย แสงสีฟ้าจากอุปกรณ์เหล่านี้ไม่เพียงแต่ทำให้เกิดความอ่อนล้าของดวงตา แต่ยังทำให้ผิวแห้ง และนำไปสู่ริ้วรอยรอบ ๆ ดวงตา เนื่องจากโลกดิจิตอลคือส่วนหนึ่งของชีวิตที่มีสิ่งใหม่ ๆ เกิดขึ้นอยู่เสมอ เราจึงควรใส่ใจกับการดูแลดวงตาของเราและผิวที่บอบบางรอบ ๆ ดวงตาให้มากขึ้น

 

1. ทำความสะอาดด้วยผลิตภัณฑ์บำรุงรอบดวงตา

     อายไลเนอร์และมาสคาร่าแบบเกาะติดแน่นมักเป็นที่นิยมเนื่องจากไม่เปื้อนเลอะดวงตา
แต่การทำความสะอาดก็อาจทำให้ต้องใช้ความรุนแรงและทำให้เกิดความเสียหายต่อผิวรอบดวงตา เมื่อเวลาผ่านไปก็ทำให้มีการสร้างเม็ดสีมากขึ้น ขณะล้างเครื่องสำอาง ให้ใช้แผ่นสำลีชุบผลิตภัณฑ์ล้างเครื่องสำอางให้ชุ่ม วางทิ้งไว้ที่เปลือกตาครู่หนึ่งก่อนนำออก เครื่องสำอางจะถูกดูดซับโดยแผ่นสำลีและทำให้สามารถล้างออกได้โดยง่ายโดยการเช็ดจากบนลงล่าง ค่อย ๆ ลูบและระวังอย่าถูจนรุนแรงทำให้ผิวที่บอบบางถูกทำร้าย

 

2. ป้องกันความรุนแรงจากการขัดถู  อย่าถูผิวรอบดวงตา

     หลีกเลี่ยงการขัดถูผิว และบริเวณรอบดวงตาในขณะล้างหน้าไปจนถึงเวลาลงโลชั่น ปรนนิบัติผิวของคุณอย่างอ่อนโยนและรีกเลี่ยงการถูผิวอย่างรุนแรงโดยไม่รู้ตัว สำหรับคนที่มีอาการแพ้ง่าย เช่น ไข้ละอองฟาง หรือมีปัญหาอาการแพ้และคัน แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ จำไว้ว่าปัญหารอบตาแห้งก็อาจทำให้เกิดอาการคันได้ ดังนั้นการให้ความชุ่มชื้นจึงอาจช่วยลดปัญหานี้ได้

 

3. ปรับพฤติกรรมให้เหมาะสม

     การไหลเวียนของเลือดที่ไม่ดีและการนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอมักเป็นสาเหตุของรอยคล้ำรอบดวงตาสำหรับคนที่มีอายุน้อย การไหลเวียนของเลือดที่ไม่ดีอาจเกิดจากอาการแพ้อุณหภูมิ        เนื่องจากอากาศเย็น (เช่น ในห้องปรับอากาศ) จะทำให้การไหลเวียนของเลือดลดลง เช่นเดียวกันกับการนอนหลับพักผ่อนที่ไม่เพียงพอหรือไม่มีคุณภาพ เลือกปรับพฤติกรรมให้เหมาะสมเพื่อป้องกันปัญหารอยคล้ำรอบดวงตา หนึ่งในวิธีที่ได้ผลคือการใช้ผ้าร้อนปิดที่รอบดวงตาเพื่อให้ผิวได้รับความอบอุ่น คุณจะเห็นผลได้ชัดเจนเมื่อทำเช่นนี้เป็นประจำ

     ชีวิตที่ต้องดูหน้าจอตลอดทั้งวันทั้งในชีวิตส่วนตัวและจากการทำงานทั้งผ่านจอคอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตเป็นเวลาหลายชั่วโมง ดวงตาจึงต้องรับผลไม่ในเวลาใดก็เวลาหนึ่ง แสงสีฟ้าจากอุปกรณ์เหล่านี้ยังส่งผลกระทบต่อผู้ใช้และทำให้การนอนหลับในเวลากลางคืนไม่มีคุณภาพ ควรพักเป็นระยะ ๆ เพื่อให้ดวงตาได้ผ่อนคลายระหว่างวัน ในเวลากลางคืน หลีกเลี่ยงการใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อย่างน้อยหนึ่งชั่วโมงก่อนเข้านอน

 

4. ใช้อายครีมเพื่อดูแลผิวรอบดวงตา

     ดูแลผิวรอบดวงตาของคุณด้วยผลิตภัณฑ์ที่คิดค้นมาโดยเฉพาะสำหรับผิวรอบดวงตาที่บอบบางของคุณ อย่าลืมเติมความชุ่มชื้นให้แก่ผิวใต้ตา เนื่องจากจะทำให้ผิวเรียบเนียน ลดปัญหาแห้งและยังช่วยป้องกันการเกิดริ้วรอยและร่องลึก ทาอายครีมเป็นประจำโดยใช้นิ้วนาง (นิ้วที่ 4) เนื่องจากจะให้น้ำหนักที่นุ่มนวลสำหรับผิวของคุณมากที่สุด ตบครีมเบา ๆ เพื่อให้ดูดซึมเข้าผิวพร้อม ๆ กับนวดเล็กน้อยเพื่อเพิ่มการไหลเวียนของเลือดในบริเวณรอบดวงตา

BACK