หน้าหลัก     ปัญหาสุขภาพ     สาระน่ารู้

สรรพคุณมหัศจรรย์ Beta-Glucan

     

     หากพูดถึงการดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง แนวคิดของการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ครบ 5 หมู่ ออกกำลังกายเป็นประจำ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ สิ่งเหล่านี้เรื่องพื้นฐานที่ทุกคนทราบกันดี แต่หากต้องการดูแลร่างกายให้อยู่ในระดับที่ “ปลอดภัยจากโรคร้าย” ได้ การเสริมเบต้ากลูแคนให้กับร่างกาย คือคำตอบสุดท้ายของโจทย์นี้

     เบต้ากลูแคน สารอาหารมากสรรพคุณที่จำเป็นต่อร่างกาย พบได้ในผนังเซลล์ของแบคทีเรีย ยีสต์ เชื้อรา จัดเป็นหนึ่งในสารต้านอนุมูลอิสระประสิทธิภาพสูงที่มีสรรพคุณต่อสุขภาพเป็นอย่างมาก


สรรพคุณต่อสุขภาพ enlightened

     ด้วยสรรพคุณเหล่านี้ เบต้ากลูแคนจึงเป็นคำตอบของการมีสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์สูงสุด เพื่อเสริมให้ร่างกายปลอดภัยจากโรคร้ายต่าง ๆ ควรรับประทานเบต้ากลูแคนเป็นประจำทุกวันเพื่อสุขภาพที่ดีตลอดไป


 

เบต้ากลูแคนหาได้ไม่ยาก  yes


     เบต้ากลูแคน เป็นสารอาหารที่พบได้ในธรรมชาติ โดยเฉพาะในอาหารที่เรารับประทานกันในแต่ละมื้อ ไม่ว่าจะเป็นธัญพืช ข้าวโอ๊ต รำข้าว ข้าวสาลี ข้าวบาร์เลย์ รวมไปถึงเห็ดรับประทานได้บางชนิด หากผู้บริโภคไม่ได้รับประทานอาหารเหล่านี้เป็นประจำ ไม่มีเวลามากพอในการประกอบอาหาร หรือด้วยไลฟ์สไตล์ที่เร่งรีบ สามารถเลือกรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจากเบต้ากลูแคนได้ แต่ควรเลือกยี่ห้อที่มีความน่าเชื่อถือและผ่านมาตรฐานรับรองความปลอดภัยเสมอ

     ในการดูแลสุขภาพและระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงจะพึ่งพาเพียงเบต้ากลูแคนก็คงไม่ได้ แต่ควรรับประทานสารอาหารและวิตามินอื่น ๆ ที่ดีต่อภูมิคุ้มกันร่วมด้วย เพราะจะช่วยให้ระบบอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ อาทิ

 

  1.         1. วิตามินซี (Vitamin C) หรือกรดแอสคอร์บิก (Ascorbic Acid) เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยในการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาวและกระบวนการกำจัดเชื้อโรค มีส่วนช่วยในการพัฒนาและการเจริญเติบโตของร่างกาย บำรุงผิวหนังและกระดูก และช่วยในการสมานแผล

 

  1.         2. วิตามินดี (Vitamin D) จะช่วยในการดูดซึมแคลเซียมซึ่งเป็นแร่ธาตุที่จำเป็นในกระบวนการสร้างกระดูก ฟัน และกล้ามเนื้อ รวมทั้งมีส่วนช่วยเสริมการทำงานของเซลล์ต่าง ๆ ในระบบภูมิคุ้มกัน ซึ่งการขาดวิตามินดีพบว่ามีความเสี่ยงต่อโรคภูมิต้านทานตนเองและไวต่อการติดเชื้อได้ง่ายขึ้น

 

  1.         3. วิตามินอี (Vitamin E) มีส่วนสำคัญในการกระตุ้นการทำงานของเซลล์ในระบบภูมิคุ้มกัน ป้องกันการติดเชื้อและการเจ็บป่วย บำรุงผิวพรรณและดวงตา อีกทั้งยังเป็นสารต้านอนุมูลอิสระเช่นเดียวกันกับวิตามินซีน้ำมันปลา เป็นไขมันหรือน้ำมันที่สกัดมาจากปลาอย่างปลาทูน่าหรือปลาแมคเคอเรล อุดมไปด้วยโอเมก้า 3 ซึ่งเป็นกรดไขมันดีที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น ลดการอักเสบของร่างกาย ช่วยบำรุงสายตา ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ และอาจใช้เป็นส่วนหนึ่งในการป้องกันโรคมะเร็ง


     สารอาหารที่กล่าวมาข้างต้นล้วนให้ผลดีต่อภูมิต้านทานและระบบการทำงานอื่น ๆ ที่สำคัญกับผู้ใหญ่วัยทำงานไม่แพ้กัน การรับประทานผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเบต้ากลูแคนควบคู่กับวิตามินที่มีส่วนช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกัน อย่างวิตามินซี วิตามินดี หรือวิตามินอี และน้ำมันปลา จึงน่าจะเป็นทางเลือกในการสร้างเสริมภูมิต้านทานที่ดี

     ด้วยเหตุนี้ ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมบางยี่ห้อจึงได้นำเบต้ากลูแคนและวิตามินต่าง ๆ รวมไว้ด้วยกัน เพราะบางคนอาจไม่สะดวกในการซื้ออาหารเสริมหลายกระปุกในครั้งเดียว อีกทั้งยังช่วยให้รับประทานได้อย่างครบถ้วนและต่อเนื่อง โดยปริมาณที่ทดสอบและแนะนำให้รับประทานเบต้ากลูแคนในแต่ละวัน เพื่อเสริมระบบภูมิคุ้มกันอยู่ที่ 100–500 มิลลิกรัม แตกต่างกันไปตามชนิดของเบต้ากลูแคน

 

ข้อควรระวังในการรับประทานเบต้ากลูแคน


     การรับประทานเบต้ากลูแคนค่อนข้างปลอดภัยต่อร่างกาย แต่เพราะยังไม่มีการวิจัยที่รับรองความปลอดภัยในระยะยาว ผู้บริโภคจึงควรรับประทานในปริมาณที่เหมาะสม เพื่อความปลอดภัยและลดความเสี่ยงการเกิดผลข้างเคียงจากเบต้ากลูแคน สำหรับผู้ที่อยู่ในภาวะต่อไปนี้ควรระมัดระวังในการบริโภคผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่มีส่วนผสมของเบต้ากลูแคนและสารอาหารอื่น ๆ เป็นพิเศษ


        เบต้ากลูแคนไม่มีผลในการป้องกันหรือรักษาโรค


         ผู้ที่แพ้ปลาทะเลหรือน้ำมันปลาไม่ควรรับประทานผลิตภัณฑ์เบต้ากลูแคนสูตรผสมน้ำมันปลา


         ผู้ที่รับประทานยาต้านการแข็งตัวของเลือด ยารักษาโรคความดันโลหิตสูง ยาคุมกำเนิด และยารักษาโรคอ้วน บางชนิดควรปรึกษาแพทย์ก่อนการใช้ผลิตภัณฑ์จากเบต้ากลูแคนสูตรผสมน้ำมันปลา เพราะอาจส่งผลให้ยามีประสิทธิภาพลดลง

 
         สตรีมีครรภ์และผู้ให้นมบุตรควรปรึกษาแพทย์ผู้ดูแลก่อนการรับประทาน เพราะยังไม่มีงานวิจัยที่รับรองความปลอดภัยของการใช้เบต้ากลูแคนขณะตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร


         ผู้ป่วยโรคเอดส์ หรือผู้ป่วยโรคเอดส์ในระยะเริ่มแสดงอาการที่รับประทานเบต้ากลูแคนจากยีสต์อาจส่งผลให้ฝ่ามือและฝ่าเท้าหนา แต่อาจหายไปได้หลังหยุดใช้เบต้ากลูแคนประมาณ 2–4 สัปดาห์  

       
         ผู้ที่รับประทานยากดภูมิคุ้มกันควรปรึกษาแพทย์ก่อนการใช้ผลิตภัณฑ์จากเบต้ากลูแคน เพราะเบต้ากลูแคนจะไปกระตุ้นภูมิต้านทานร่างกาย จึงอาจทำให้ตัวยามีประสิทธิภาพลดลง เช่น ยาอะซาไธโอพรีน (Azathioprine) ยาไซโคลสปอริน (Cyclosporine) ยาเพรดนิโซน (Prednisone) เป็นต้น


     สุดท้ายนี้ แม้จะมีงานวิจัยที่ชี้ให้เห็นถึงคุณประโยชน์ของเบต้ากลูแคนต่อระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย แต่การเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันโดยเริ่มต้นที่ตัวเองก็เป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรละเลยไป ไม่ว่าจะเป็นพักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานผักและผลไม้ให้มากขึ้น ออกกำลังเป็นประจำ ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ทำกิจกรรมผ่อนคลายความเครียด ไม่สูบบุหรี่หรือดื่มแอลกอฮอล์ เพราะสิ่งเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องเสียเงินซื้อ เพียงแค่ปรับพฤติกรรมตัวเอง ก็ช่วยให้เรามีภูมิคุ้มกันที่ดีได้อย่างยั่งยืนแล้ว

BACK