หน้าหลัก     ปัญหาสุขภาพ     สาระน่ารู้

Reishi เห็ดหลินจือ 

     

     เห็ดหลินจือ นั้นถูกใช้ในวงการแพทย์แผนจีนมานานมากกว่า 2,000 ปีซะอีกนะครับซึ่งเห็ดหลินจือถูกจัดให้เป็นเห็ดที่มีอายุยืนนาน และมีชื่อเสียงเก่าแก่ที่สุดในบรรดาสมุนไพรทางการแพทย์เลย ยังถูกบันทึกลงในตำราสมุนไพรที่มีอายุมากที่สุดของประเทศจีนอีกด้วย

     ซึ่งสมัยก่อนนั้นยาปฏิชีวนะมันก็ไม่ได้มีแบบทุกวันนี้ ทำให้หมอในสมัยนั้นเค้าใช้เห็ดหลินจือในการรักษาโรคต่าง ๆ เป็นหลักเลยล่ะ จนถึงขนาดได้รับการยกย่องว่า เป็นราชาสมุนไพรที่หมอจีนเอาไปใช้รักษาแทบจะทุกโรคเลย

     ทั้งเส้นใยต่าง ๆ โปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน วิตามิน และแร่ธาตุบางชนิด ไม่ว่าจะเป็น แคลเซียม โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส แมกนีเซียม เซเลเนียม ธาตุเหล็ก สังกะสี ทองแดง รวมไปถึงพวกสารโมเลกุลชีวภาพที่สำคัญ ๆ เช่น

ไตรเทอร์พีน ที่ช่วยกำจัดการแบ่งตัวของเซลล์มะเร็ง ยับยั้งเซลล์มะเร็งตับ ป้องกันโรคภูมิแพ้ ลดความดันโลหิต ลดไขมันในเลือด ป้องกันไขมันอุดตันในเส้นเลือด

นิวคลีโอไทด์ ที่ช่วยออกฤทธิ์บรรเทาอาการเจ็บปวด ป้องกันลิ่มเลือดแข็งตัวในเส้นเลือด ลดความเสี่ยงโรคอัมพฤกษ์ อัมพาต ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อไวรัส

พอลิแซ็กคาไรด์ มีฤทธิ์เสริมระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย ช่วยกำจัดเซลล์มะเร็ง ยับยั้งเนื้องอก ลดน้ำตาลในเลือด ลดอาการอักเสบ

เจอมาเนียม ซึ่งมีส่วนในการช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานของร่างกาย บำรุงประสาท สมอง หัวใจ กระตุ้นระบบไหลเวียนเลือด

เออร์โกสเตอรอล ซึ่งเป็นสารที่ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูกและฟัน และสารอนุพันธ์อื่น ๆ

 

รูปแบบและขนาดวิธีใช้เห็ดหลินจือ

     เห็ดหลินจือที่นำมาบริโภคจะให้ผลลัพธ์ดีที่สุด ก็ต่อเมื่อคนปกติทั่วไปใช้ดอกเห็ดหลินจืออบแห้ง ชงเป็นชา เพื่อดื่มเป็นประจำ ถ้าต้องการต้มเป็นยา ต้องดื่มให้หมดวันละ 1 - 3 เวลา และจะดื่มเวลาใดก็ได้ ถ้าจะนำมาดองเหล้า จะให้ดอกเห็ดหลินจือดองกับเหล้าขาวหรือเหล้าเหลือง ชนิด 40 ดีกรี ปริมาณ 100 – 150 ซีซี ทิ้งไว้ 15 วัน และค่อยนำมาดื่มครั้งละ 10 ซีซี หรือ ช้อนชา วันละ 1 – 3 เวลา ก่อนหรือหลังอาหารก็ไม่ต่างกัน นอกจากนั้น ยังมีผู้ผลิตเป็นแคปซูล โดยนำส่วนผสมของดอกเห็ด เส้นใย หรือราก และผงสปอร์ รวมอยู่ในเม็ด ซึ่งปริมาณขึ้นอยู่กับอายุของผู้ใช้ หากเป็นเด็ก ใช้ 1 – 2 แคปซูลก็เพียงพอแล้ว แต่สำหรับผู้ป่วย ควรใช้ ครั้งละ 3 แคปซูล วันละ 2 เวลา จะดีที่สุดอีกทั้งชนิดผงสปอร์บริสุทธิ์ ที่จะออกฤทธิ์มากกว่าแบบแคปซูล ก็จะนำมาผสมน้ำอุ่นในปริมาณ 1 กรัม หรือไม่เกิน 3 กรัม สำหรับผู้ป่วย และ ยังมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว อาจผสมในน้ำผึ้ง น้ำผลไม้ เครื่องดื่ม และอาหารคาวหวานได้ง่ายๆ และนำมาผสมกับสมุนไพรอื่นๆ เช่น ถั่งเช่า โสม กระชายดำ ฯลฯ เป็นยาบำรุงร่างกายชั้นดีได้อีกด้วย

ลักษณะทั่วเห็ดหลินจือ

เห็ดหลินจือ เป็นเชื้อราชนิดที่ขึ้นอยู่ตามต้นไม้ที่เน่าเปื่อย ผุพัง พบอยู่ทั่วไป ระดับความสูงกว่าระดับน้ำทะเล 1000 เมตร อุณหภูมิระหว่าง 8 – 38 องศาเซลเซียส ต่ำกว่า 0 องศาเซลเซียส เส้นใยและดอกยังสามารถมีชีวิตอยู่ได้แต่ไม่เจริญเติบโต เมื่ออากาศเริ่มอุ่นขึ้นก็สามารถเจริญเติบโตต่อไปได้ เห็ดหลินจือมีชื่อเรียกแตกต่างกันไปตามภาษาเรียก ประเทศจีนเรียกว่า หลิงชิง หรือหลินจือ สำหรับประเทศไทยเรียกว่า เห็ดกระด้าง เห็ดหั้งขอ เห็ดนางกวัก เห็ดแม่เบี้ยงูเห่า เห็ดจวักงู
แล้วยังแบ่งแยกไปตามชนิดของเห็ด ได้แก่

คุณสมบัติเด่นที่ทำให้เห็ดหลินจือ เป็นสุดยอดสมุนไพรที่ดีที่สุดในโลก

 

  บำรุงร่างกาย เสริมกำลัง บรรเทาอาการอ่อนเพลีย

  เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน

  ลดน้ำตาลในเลือด ควบคุมอาการของโรคเบาหวาน

  ลดไขมันในเลือด

  ป้องกันโรคหัวใจ

  เสริมสร้างความจำ ป้องกันอัลไซเมอร์

  ช่วยให้เลือดลมไหลเวียนได้ดีขึ้น

  ชะลอความแก่ บำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่ง

  ล้างพิษให้ร่างกาย

  บำรุงสายตา

  แก้หลอดลมอักเสบเรื้อรัง

  รักษาโรคภูมิแพ้ หืด หอบ

  ลดความดันโลหิตสูง

  แก้ปวดเมื่อย ปวดข้อ

  บำรุงระบบประสาท แก้อาการนอนไม่หลับ เวียนศีรษะ เบื่ออาหาร

  รักษาแผลในกระเพาะอาหารและลำไส้

  บำรุงและรักษาโรคตับต่าง ๆ

  ขับปัสสาวะ รักษาโรคทางเดินปัสสาวะ

  ป้องกันการทำงานหนักของไต

  รักษาและบรรเทาอาการของโรคริดสีดวงทวาร

  ลดอาการปวดประจำเดือน

  แก้ภาวะเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ

  แก้ปัญหาภาวะมีบุตรยาก

  ยับยั้งเชื้อไวรัส อย่างไวรัสเอดส์ อีสุกอีใส งูสวัด

  รักษาโรคที่มีสาเหตุมาจากการขาดออกซิเจน เช่น ถุงลมโป่งพอง หัวใจล้มเหลว เส้นเลือดหัวใจตีบ

คำแนะนำในการทาน เห็ดหลินจือ 

  1. ควรบริโภคเห็ดหลินนจือ ก่อนอาหารอย่างน้อย 30 นาที หรือ 1 ชั่วโมง แต่สำหรับคนที่เป็ฯโรคกระเพาะให้รับประทานเห็ดหลินจือ หลังอาหาร 2 ชั่วโมงแทน เนื่องจากควรรับประทานขณะท้องว่าง เพื่อประสิทธิภาพในการดูดซึม
  2. ใน 2 สัปดาแรกที่จะเริ่มทาน ให้รับประทานในปริมาณน้อยก่อนเพื่อให้ร่างกายเกิดการปรับตัว
  3. ควรทานวิตามินซี ร่วมด้วยเนื่องจากสารโพลีแซคคาไรด์ ในเห็ดหลินจือมีโครงสร้างที่สับซ้อนบางท่านอาจจะเกิดการย่อยยาก จึงควรรับประทานวิตตามินซี หรืออาหารที่มีวิตามินซีร่วมด้วยเพื่อช่วยในการดูดซึม

BACK