หน้าหลัก     ปัญหาสุขภาพ     สาระน่ารู้

สาหร่ายเกลียวทอง (Spirulina)  

   จัดอยู่ในพวกสาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงินลักษณะโดยทั่วไปเป็นสาหร่ายหลายเซลล์ มีลักษณะเป็นสายสั้นๆ บิดตัวไปมาเป็นเกลียว เจริญเติบโตได้ดีในน้ำกร่อย ในเซลล์ไม่มีสารพวก Cellulose เป็นส่วนประกอบจึงทำให้ร่างกายสามารถย่อยได้สูงถึง 95% ซึ่งทำให้ร่างกายสามารถใช้ประโยชน์จากสารอาหารในสาหร่ายเกลียวทองได้มาก

   สาหร่ายเกลียวทอง คือ โปรตีน ที่ประกอบด้วยกรดอะมิโนหลายชนิดในสัดส่วนที่เหมาะสม ในสาหร่ายเกลียวทองนั้น มีคุณค่าทางอาหารเหนือกว่าอาหารชนิดอื่น คือมีปริมาณโปรตีนถึงกว่า 65% ของน้ำหนักแห้ง ซึ่ง สูงกว่าปริมาณโปรตีนที่มีในเนื้อสัตว์หรือในไข่ถึง 3/2 เท่า ถือว่า สาหร่ายเกลียวทอง เป็นอาหารพิเศษที่ประกอบด้วยเนื้อโปรตีนแท้ๆ นอกจากนี้ยังประกอบด้วย คลอโรฟิลล์ และ ไฟโคไซยานิน จำนวนมาก มีโปรวิตามิน ซึ่งเป็นสารที่เปลี่ยนเป็นวิตามินเอได้ ซึ่งเป็น คุณสมบัติเฉพาะของสาหร่ายเกลียวทอง จะเห็นว่าสาหร่ายเกลียวทอง มีสีเขียวแกมน้ำเงิน และรวมไปถึงทั้งกรดอะมิโนที่ร่างกายต้องการ เราลองมาดูตารางเปรียบเทียบ สาหร่ายเกลียวทอง (แห้ง) เปรียบเทียบปริมาณ โปรตีน

คุณค่าทางโภชนาการของสาหร่ายเกลียวทอง enlightened

   สาหร่ายเกลียวทอง มีองค์ประกอบทางโภชนาการที่สำคัญต่อสุขภาพมากมาย ได้แก่ โปรตีนที่มีอยู่สูงถึงร้อยละ 62-68 พร้อมอุดมไปด้วยวิตามินหลายชนิดและธาตุอหาารสำคัญหลายอย่าง โดยเฉพาะสารอาหารจำพวกพฤกษเคมี (phytonutrients) เป็นสารอาหารที่พืชสังเคราะห์ขึ้นมา เช่น ไฟโคไซยานิน, คลอโรฟิลล์, เบต้า-คาโรทีน, กรดแกมมาลิโนลินิค (GLA), ไกลโคไลปิด, ซัลโฟไลปิด เป็นต้น สารอาหารเหล่านี้มีความสำคัญที่จะช่วยปรับสภาพความสมดุลของระบบในร่างกาย และช่วยเพิ่มภูมิต้านทานทำให้ร่างกายมีสุขภาพที่ดี

ความปลอดภัย และปราศจากสารพิษโดยสิ้นเชิง yes

 

   จากการทดสอบทางด้านเภสัชวิทยาเกี่ยวกับสาหร่ายเกลียวทอง พบว่าไม่มีพิษและไม่มีผลข้างเคียงต่ออวัยวะต่างๆ ของร่างกายตั้งแต่ระบบประสาทส่วนกลางลงมา การเจริญเติบโตการทำงานของอวัยวะต่างๆ 
 

การผลิตสาหร่ายเกลียวทอง มี 3 ขั้นตอนที่สำคัญคือ

1. การเพาะเลี้ยงสาหร่าย (algal cultivation)

การเพาะเลี้ยงทุกขั้นตอนจะต้องควบคุมปัจจัยที่มีผลต่อการเจริญของสาหร่ายให้เหมาะสม (ภาพที่ 2)

2. การเก็บเกี่ยว (harvesting)

3. การทำแห้ง (drying)

 

ใครบ้างที่ควรบริโภคสาหร่ายเกลียวทอง

  1. เหนื่อยง่าย เป็นกังวลเกี่ยวกับสุขภาพ
  2. เป็นหวัดง่าย
  3. กินผักสีเขียวหรือผักสีเหลืองไม่เพียงพอ
  4. วิงเวียนอยู่เสมอ
  5. ชอบหรือไม่ชอบอาหารชนิดใดอย่างรุนแรงจนก่อให้เกิดอาการขาดสารอาหาร
  6. รู้สึกเจ็บถึงกระดูกแม้เมื่อกดเนื้อเบาๆ
  7. ไม่ทานอาหารเช้า
  8. กำลังอดอาหารเพื่อ “ลดความอ้วน”
  9. หญิงมีครรภ์ เป็นต้น

สาหร่ายเกลียวทองกับสุขภาพ yes

   สาหร่ายเกลียวทอง เพิ่งได้รับความสนใจมาไม่นานนี้เอง แต่ปัจจุบันสาหร่ายเกลียวทองเป็นที่รู้จักและเป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลาย เช่น ญี่ปุ่น แม็กซิโก สหรัฐฯ แอฟริกา ฝรั่งเศส เป็นต้น นอกจากสาหร่ายเกลียวทองกำลังเป็นที่สนใจเพราะเป็นอาหารที่ใช้เป็นอาหารหลักได้แล้วคุณค่าทางโภชนาการของสาหร่ายนี้ก็มีมากมายมีสารอาหารต่างๆ ที่สมบูรณ์ทั้งโปรตีน ที่มีสูงประมาณ 60-70% มีกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกาย มีวิตามินและเกลือแร่ต่างๆ เกือบครบถ้วนและสาหร่ายเกลียวทองเป็นอาหารที่มีความเป็นด่าง (Alkaline Food) ซึ่งเป็นผลดีต่อร่างกาย คุณสมบัติอีกอย่างที่สำคัญคือมีผนังเซลล์ที่บางสามารถย่อยสลายได้ง่ายจึงทำให้ร่างกายดูดซึมเอาสารอาหารต่างๆ ที่มีในสาหร่ายเกลียวทองไปใช้ได้สูงซึ่งข้อดีต่างๆ เหล่านี้จึงเป็นผลให้ผู้คนหันมาสนใจและบริโภคสาหร่ายเกลียวทองกันเพิ่มขึ้นๆ ทุกวัน

บุคคลใดบ้างที่ควรบริโภคสาหร่ายเกลียวทอง 

   สาหร่ายเกลียวทองเป็นอาหารที่ปลอดภัยปราศจากพิษต่างๆ ดังนั้นการบริโภคสาหร่ายจึงไม่มีพิษภัยอะไร นอกจากนั้นการบริโภคสาหร่ายนี้ยังเป็นการเสริมสุขภาพให้มีความสามารถในการป้องกันโรคได้ ในคนที่ปกติ คนที่แข็งแรงอยู่แล้วก็รับประทานได้ เพื่อช่วยเสริมสร้างความสดชื่นแจ่มใส กระปรี้กระเปร่า ทำกิจกรรมต่างๆ ได้ดีไม่เหนื่อยง่าย นอกจากนี้แล้วบุคคลที่มีสภาวะที่ต้องกดดันด้วยความเครียดต่างๆ ซึ่งเข้าข่ายที่เรียกว่า “คนอมโรค” ซึ่งมีลักษณะต่างๆ ดังต่อไปนี้ก็ควรหันมาสนใจสาหร่ายเกลียวทองได้แล้ว

เหนื่อยง่าย เป็นกังวลเกี่ยวกับสุขภาพ

เป็นหวัดง่าย

กินผักสีเขียวหรือผักสีเหลืองไม่เพียงพอ

วิงเวียนอยู่เสมอ

ชอบหรือไม่ชอบอาหารชนิดใดอย่างรุนแรงจนก่อให้เกิดอาการขาดสารอาหาร

รู้สึกเจ็บถึงกระดูกแม้เมื่อกดเนื้อเบาๆ

ไม่ทานอาหารเช้า

กำลังอดอาหารเพื่อ “ลดความอ้วน”

หญิงมีครรภ์ เป็นต้น

BACK