หน้าหลัก     ปัญหาสุขภาพ     สาระน่ารู้

ภูมิแพ้ทางผิวหนัง (Skin Allergy) 


 

      โรคภูมิแพ้ทางผิวหนัง เกิดจากภาวะภูมิไวเกิน (Hypersensitivityทำให้มีปฏิกิริยาตอบสนองต่อสารที่พบได้ทั่วไปในชีวิตประจำวัน เช่น อาหาร ไรฝุ่น ละอองเกสร ซึ่งในคนทั่วไปจะไม่มี ปฏิกิริยาต่อสิ่งเหล่านี้ อาการของรคอาจเกิดขึ้นกับระบบดระบบหนึ่งของร่งกาย หรือเกิดขึ้นพร้อมกันหลายระบ มักจะเป็นเรื้อรัง ความรุนแรงมีตั้งแต่รบกวนชีวิตประจำวันเล็กน้อยไปจนถึงขั้นที่อันตรายถึงแก่ชีวิต

โรคภูมิแพ้สามารถเกิดขึ้นได้กับหลายระบบในร่างกาย ได้แก่


ลักษณะอาการ 


     มีอาการ คัน มีผดผื่นตามตัว ผื่นมักแห้ง แดง มีสะเก็ดบางๆ หรือมีน้้าเหลืองแห้งกรังปกคลุมอยู่ ในรายที่เป็น เรื้อรัง ผิวหนังบริเวณที่เป็นจะหนาตัวขึ้นและมีสีคล้้าขึ้น ผิวหนังอาจมีการอักเสบเป็นตุ่มนูนคัน หรือใหญ่เป็นปื้นนูนแดง และ คันมากที่เรียกว่า ลมพิษ (urticaria) 


สาเหตุของภูมิแพ้ทางผิวหนัง 


     การสัมผัสกับสิ่งที่แพ้เช่น ฝุ่น, ควัน, สารพิษ, ขยะ, อาหารที่เสี่ยงต่อการแพ้, ยา เป็นต้น โดยอาการที่เกิดจากภูมิแพ้  แบ่งเป็น 2 ระดับตามเวลาในการเกิด คือ 

  1. 1. เกิดอาการแพ้เฉียบพลันทันทีที่ได้รับสารก่อภูมิแพ้เข้าสู่ร่างกาย ไม่เกินครึ่งชั่วโมง จะเกิดมาจากสารโปรตีน ในร่างกายที่ชื่อ IgE 
  1. 2. อีกชนิดหนึ่งจะค่อยๆ เกิดอาการภายหลังได้รับสารก่อภูมิแพ้ประมาณ 4 ชั่วโมง หรือนานกว่านั้น อาจ เป็นวัน จะเกิดจากสารโปรตีนตัวอื่นที่ไม่ใช่ IgE เช่น IgG, IgM  


     นี่คือเหตุผลที่ว่าท้าไมเวลาเราสัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้ บางคนก็มีอาการทันที บางคนสัมผัสครั้งแรกยังไม่มีอาการต้อง รอ 2-3 ครั้งไปก่อน 


การรักษาโรคภูมิแพ้ทางผิวหนัง 


     สำหรับการรักษาภูมิแพ้โดยใช้ยาก็จะรักษาตามอาการและบริเวณที่เป็น โรคผิวหนังอักเสบภูมิแพ้หากเป็นเยอะทั่วตัว  ทางแพทย์หรือเภสัชกรอาจให้ทานยาแก้แพ้และสามารถใช้ร่วมกับยาทาซึ่งมีหลายชนิด ได้แก่ 


yes ยาทาสเตียรอยด์(Topical corticosteroids) เช่นยี่ห้อ Dermovate, Betnovate, Elomet, Aristocort

yes ยาทาแก้แพ้(Topical antihistamine) เช่นยี่ห้อ Fenistil, Systral พวกนี้จะไม่มีสเตียรอยด์เป็นส่วนผสม 


 


ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมสำหรับผู้ที่เป็นภูมิแพ้ 


วิตามินซี (vitamin c) ช่วยก้าจัดอนุมูลอิสระซึ่งเกิดจากสารก่อภูมิแพ้ (allergen) จากการศึกษาพบว่าเมื่อ รับประทานวิตามินซีในขนาดที่สูง (มากกว่าหรือเท่ากับ 1,000 mg ต่อวัน) จะสามารถลดความรุนแรงหรือจ้านวน ครั้งในการเกิดภูมิแพ้ได้เป็นอย่างดี  


สารต้านอนุมูลอิสระ (antioxidant) ช่วยก้าจัดอนุมูลอิสระซึ่งเกิดสารก่อภูมิแพ้ (allergen สามารถทานร่วมกับ วิตามินซีเพื่อเสริมฤทธิ์ในการบรรเทาอาการของภูมิแพ้ได้ มีหลายชนิดเช่น grape seed, astaxantin, pycnogenol เบต้ากลูแคน (betaglucan) มีคุณสมบัติที่สามารถกระตุ้นระบบภูมิต้านทานของร่างกาย เพิ่มประสิทธิภาพของเซลล์ เม็ดเลือดขาวชนิด Macrophage โดยกระตุ้นให้ Macrophage สามารถท้าลายสิ่งแปลกปลอมหรือสารก่อภูมิแพ้ได้ รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเริ่มรับประทานวันละ 200 mg 


นมผึ้ง (Royal Jelly) เป็นสารอาหารส้าหรับเลี้ยงตัวอ่อนของผึ้งนางพญา มีคุณค่าทางโภชนาการ ประกอบด้วย  วิตามิน A, C, D, E และวิตามินบีรวม และแร่ธาตุอื่นๆที่มีประโยชน์ต่อร่างกายอีกมากมาย ได้มีการศึกษาพบว่า สารส้าคัญในนมผึ้งสามารถต้านเชื้อไวรัส, เชื้อแบคทีเรียและเชื้อรา ซึ่งเป็นสาเหตุของการติดเชื้อในล้าคอ, หลอดลม อักเสบ (Bronchitis) และผิวหนังอักเสบ ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน เป็นตัวช่วยกระตุ้นให้ระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรงและ ต่อต้านการติดเชื้อต่างๆ 


การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เป็นสิ่งที่ส้าคัญอีกอย่างหนึ่งที่ควรปฏิบัติเพื่อการรักษาภูมิแพ้ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น 


     enlightened หลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้และสารระคายเคือง หากเลี่ยงไม่ได้ ควรระวังให้มีการสัมผัสน้อยที่สุดและทานยาแก้แพ้หากมี อาการ 


     enlightened กำจัดสารก่อภูมิแพ้ในที่พักอาศัยหรือที่ท้างาน 


     enlightened ใช้ยาตามแพทย์หรือเภสัชกรสั่งอย่างเคร่งครัด 


     enlightened ตรวจติดตามอาการของภูมิแพ้อย่างต่อเนื่องเพื่อประเมินความรุนแรงและการปรับเปลี่ยนตัวยา

     enlightened รักษาสุขภาพให้แข็งแรง เป็นการดูแลรักษาสุขภาพทั่วไปใหเ้หมาะสมกับสภาพร่างกาย จะช่วยให้สุขภาพแข็งแรง มี ภูมิต้านทางโรค ดังนี้  


                 การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ตามหลักโภชนาการครบทั้ง 5 หมู่ หลีกเลี่ยง ในกลุ่มสารอาหารที่ กระตุ้นให้เกิดอาการภูมิแพ้เช่น ขนมปัง ไข่ ถั่ว นม อย่าลืมทานอาหารเสริมที่แนะน้าไปด้วย พักผ่อนอย่างเพียงพอ อย่างน้อยวันละ 8-10 ชั่วโมง  


                 ออกก้าลังกายเป็นประจ้า และสม่้าเสมอและประเภทของการออกก้าลังกายต้องไม่กระตุ้นให้เกิดอาการ  ภูมิแพ ้เช่น การเดินเร็ว วิ่งเหยาะๆ และปั่นจักรยาน เป็นต้น  


                 ป้องกันการติดเชื้อ หลีกเลี่ยงการเข้าไปในสถานที่แออัด อยู่ในสถานที่ที่อากาศ ถ่ายเทสะดวกและได้ร้บ วัคซีนป้องกันโรคครบตามเกณฑ์อายุ 

BACK